วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การวิจารณ์เรื่องสั้น เรื่อง สนิม โดย นทธี ศศิวิมล



การวิจารณ์เรื่องสั้น เรื่อง สนิม  โดย นทธี ศศิวิมล

ผู้วิจารณ์  นางสาวสกุณา   วงบุราณ

เขียนโดยนางสาวสกุณา  วงบุราณ

การตั้งชื่อเรื่อง

          การตั้งชื่อเรื่องว่า สนิม เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของตัวละครลักษณะเหมือนสนิมที่เกิดขึ้นได้เสมอ  เหมือนสิ่งของอยู่นานการทำงานก็เสื่อมสภาพลงเมื่อเวลาผ่านไปสนิมก็ติดมา บอกให้รู้ว่าสิ่งนั้นมีอายุประสิทธิภาพเป็นอย่างไร มีรอยตำหนิแล้วดังเช่น  เดียวกันกับจิตใจคนโดยเฉพาะผู้อำนวยการโรงพยาบาล (หมอใหญ่) ซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลที่เป็นสนิม บุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเห็นผลประโยชน์ที่เป็นปัจจัยภายนอก ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ยกย่องคนที่ทำผิดหากจะว่าไปแล้วก็หลงในเรื่องอำนาจของตัวบุคคล คนที่ว่านี้คือนายหารผู้ใหญ่บ้าน แม้จะเคยกระทำผิดมาซึ่งถือว่าร้ายแรงนักต่อชีวิตที่เหมือนกับหักผังดังตอไม้ สนิมติดอยู่ในใจคนมันยากที่จะลบเลือน

 ตัวละคร
      แพทย์หญิงวิชุดา:  จิตแพทย์สาวที่มีลักษณะเป็นคนช่างสังเกต เป็นคนอัธยาศัยดี มี              มนุษยสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีอคติต่อใคร เธอได้ดูแลคนป่วยชื่อนายประชา ที่เป็นคนร้ายเมายาบ้า และเด็กสาวชื่อขอนขาวที่เธอเอ็นดูและรักเหมือนลูก
          นายประชาเขาเป็นผู้ป่วยทางจิตมาบำบัดรักษาและเป็นที่น่ารังเกียจของคนในชุมชนเดียวกัน
          เข็มขาวเด็กสาวที่ไม่มีความสดใสสมวัย เป็นบุคคลที่น่าสงสารเธอมีชีวิตที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ไม่มีความสุขโดนสังคมว่าร้ายต่าง ๆ นา นา
          กุลนัดดา (แต้ว)พยาบาลที่ทำงานก่อนหมอวิชุดาจะผ่านประสบการณ์กับคนป่วยในหลายรูปแบบ เป็นคนที่จิตใจดี คอยช่วยเหลือคุณหมอมาตลอด มองชีวิตว่าควรทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
            นายเหิรเป็นผู้ใหญ่บ้าน ร่างใหญ่ ผิวคล้ำ ท่าทีมีอำนาจ เป็นคนที่ไม่มีภาวะผู้นำ        จิตใจโหดร้าย ข่มขืนได้แม้กระทั่งเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกล
          หมอใหญ่ผู้อำนวยการ ที่มีลักษณะเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่คุณหมอรุ่นน้องโดยเฉพาะหมอวิชุดา โดยจะเน้นเสมอว่าการดูแลผู้ป่วยไม่ควรจะเอาใจใส่มากเพราะจะไม่สารถให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้


เนื้อเรื่อง
          หมอวิชุดาจิตแพทย์ที่ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ซึ่งเป็นอีกโลกหนึ่งที่แปลกประหลาดจากที่เธอเคยเห็น วิถีชีวิตของคนแตกต่างชีวิตของคนที่นั่นเหมือนเป็นโลกแห่งนิยายที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริง เธอได้รับผิดชอบดูแลคนป่วยชื่อ นายประชา อายุ ๕๒ ปี เป็นชายสติไม่สมประกอบเนื่องจากอดีตเขาเคยติดคุก เป็นคนเมายาบ้า จี้จับเด็กเป็นตัวประกัน และไม่ได้ออกจากคุก ชาวบ้านก็ไม่มีใครชอบหน้าไม่ให้กลับเข้าไปอยู่ในหมู่บ้าน จึงเกิดความเครียดมาก งานและเงินก็ไม่มี จึงทำให้เป็นคนเร่ร่อนเก็บเศษขยะ ทำให้เสียสติไปโดยปริยาย
          หลังจากที่ประชาได้รับการรักษาจนสติกลับมาดังเดิมและทางโรงพยาบาลจะส่งตัวกลับบ้านแต่ทั้งนี้เขาไม่มีญาติคนใดที่จะสามารถรับดูแลเขาเลยเพราะญาตินั้นเกรงว่าประชาจะกลับไปทำร้ายลูกหลานของเขา ทางโรงพยาบาลจึงตัดสินใจไปอยู่บ้านเก่าพ่อของเขาที่ตายจากไปบ้านหลังนั้นร้างมานานสภาพเก่าคร่ำครึ ขาดน้ำขาดไฟใช้ แต่ยังดีที่ไอ้เปี๊ยกและภรรยาคนข้างบ้านอาสาจะทำหน้าที่ดูแลนายประชาเอง และโชคดีที่กำนันจะประสานเรื่องน้ำและไปให้ หมอวิชุดาเห็นดังนี้ก็รู้สึกโล่งใจที่ทำให้คนหนึ่งกลับไปมีชีวิตและอิสระดังเดิม
          ต่อมาหมอวิชุดาก็ได้ดูแล รักษาเข็มขาวเด็กสาว ที่โดนข่มขืนตั้งแต่อายุ

 ๑๖ ปี ซึ่งเธอน่าสงสารมากโดนกระทำอนาจารโดยนายเหิรผู้ใหญ่บ้านที่หลาย

คนคิดไม่ถึงเพราะว่าเป็นถึงผู้นำหมู่บ้านไม่น่าจะประพฤติตนเช่นนี้  ชีวิตของเข็มขาวอยู่อย่างไม่เป็นสุขเธอเสียสติอาละวาด และหวาดระแวงอยู่เสมอ แต่
อย่างไรก็ดีหมอวิชุดานอกจากจะสงสารเข็มขาวแล้วยังรู้สึกรักละเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนลูกแต่หมอใหญ่เห็การวางตัวของหมอวิชุดาไม่เหมาะสมจึงเรียกมาตักเตือนว่าทำเช่นนี้เดี๋ยวคนไข้จะติดหมอถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมจะเอาคนไข้คืนมาอยู่ในความดูแลของเขา แต่แล้วหมอใหญ่ยังให้โอกาสหมอวิชุดาปรับปรุงแก้ไขการทำงานอยู่ และช่วงที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง อบต. นายเหิรจะลงสมัครหมอใหญ่เป็นหัวคะแนนให้  ยกย่องผลงานที่ทำกับชุมชน และความดีที่นายเหิรทำให้แก่โรงพยาบาลมากมายบอกแก่หมอวิชุดาซึ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งที่นั่นเนื่องจากย้ายสำเนาทะเบียนบ้านมาแล้ว และเหตุการณ์สุดท้ายของเรื่องนี้คือในวันหยุดที่หมอวิชุดาไม่ไปทำงานตื่นขึ้นมาเห็นซองสีขาวถูกเขียนด้วยปากกาเมจิก ว่า หมอวิชุดาอยู่ใต้ประตูของบ้านพักเธอ ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นคือเห็นเงินแบงก์ ห้าร้อยจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ เธอสงสัยว่าเงินนี้มาจากไหน แต่ก็มีเสียงกระซิบของพยาบาลแต้วลอยมาเบา ๆ ว่า เรื่องบางเรื่องเราอาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้นะคุณหมอ  ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

แก่นเรื่อง  

จิตใจคนไม่แน่นอนแปรเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อมและสังคมที่เป็นอยู่ ปัจจุบันคนมัก         วัดค่าของ


คนที่หน้าตาและยศศักดิ์ไม่คิดคำนึงถึงความถูกต้อง  และทำให้ทราบว่าใจคนก็ย่อมเกิดสนิมได้เฉกเช่นเดียว



กับสิ่งของ

การใช้ภาษา

            การใช้ภาษาในเรื่องสนิมเป็นไปอย่างเรียบง่ายชวนฟัง น่าติดตาม เนื่องจากเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครและเรื่องราวค่อนข้างเป็นเรื่องน่าเศร้าเกี่ยวกับชีวิตคนที่มีเรื่องเลวร้ายผ่านมาในชีวิต มีการใช้บทสนทนาที่เห็นภาพความเป็นธรรมชาติของตัวละครแต่ละครและมีการใช้ภาษาที่มีความไพเราะโดยจะใช้อุมาโวหารเข้ามาช่วยในการเขียนเรื่องสั้นให้สำนวนภาษาของผู้เขียนมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น
          เด็กสาวที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าดูเหมือนดอกไม้กลีบบางที่เต็มไปด้วยรอยบอบช้ำ บาดแผลจากภายนอกทำร้ายเธอไปทั้งชีวิต...
            การใช้อุปมาคำว่าเหมือน มาเปรียบเทียบให้เห็นว่าเด็กสาวเปรียบเสมือนดอกไม้ ซึ่งตามปกติแล้ว เราจะรับรู้ว่าดอกไม้โดยเฉพาะดอกไม้ที่เริ่มผลิดอกออกใหม่นั้นจะมีความสดใสสวยงาม แต่ในเรื่องนี้เข็มขาวแม้จะเป็นเด็กสาวก็จริงชีวิตเธอไม่ได้สวยงามเหมือนเด็กคนอื่น ๆ   เธอโดนข่มขืนเป็นการถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงจนทำให้เด็กมีตราบาปไปตลอด จึงเป็นเหมือนดอกไม้ที่มีรอยบอบช้ำและไม่น่ามองเหมือนดอกอื่น ๆ

การซ้ำคำ คำว่า สนิม” 
            ในเรื่องสั้นนี้จะปรากฏชัดในการเล่นคำว่า สนิม มีให้เห็นหลายตำแหน่งโดยแต่ละตำแหน่งจะ  สอดคล้องกับการผูกปมเรื่องให้สอดคล้องกับชื่อเรื่องว่าสิ่งใดบ้างที่เกิดสนิมและสุดท้ายก็รู้ว่าใจคนก็เกิดสนิมได้เช่น ซึ่งถือว่าเพิ่มความน่าสนใจมาก ตัวอย่างเช่น
          “แฟ้มเหล็กเย็นชื้นติดมือ ขอบด้านบน โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นบานพับเริ่มมีคราบสนิมเกาะ”   (หน้า ๒๒๒)
          เหตุเพราะบานพับและหมุนนอตยึดต่าง ๆ ถูกสนิมกัดกินจนไม่เหลือเนื้อเหล็ก
 (หน้า ๒๒๓)
          อากาศอย่างนี้สนิมชอบของพี่อย่าว่าแต่จักรยาน ขนาดกิ๊บติดอยู่บนหัวแท้ ๆ สนิมก็ยังขึ้นจักรยานใหม่ของหมอจ๋าต้องหมั่นทาน้ำมันกันสนิมบ่อย ๆ นะ

          จะเห็นได้ว่าการที่ผู้เขียนยกคำว่า สนิม มาซ้ำใช้เล่นคำบ่อย ๆ ทั้งนี้

ก็  เพื่อจะบอกจุดมุ่งหมายสำคัญ  ว่าจิตใจคนไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งของเครื่อง
ใช้เลยแม้เริ่มต้นหรือมองแค่เพียงผิวเผินไม่สามารถบอกได้ว่า   คน ๆ นี้จะเป็น
คนจิตใจดีจริง ถึงตำแหน่งหน้าที่จะหน้าเชื่อถือก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าเขาดีจริง สอนให้รู้ว่า หากร่างกายเราจะเริ่มมีสนิมเข้าไปก็ควรจะป่องกันโดยการหาน้ำมันมาหยอดไว้ ชำระล้างใจให้ปราศจากสิ่ง  ชั่วร้ายก้าวผ่านมันไปให้ได้แล้วเมื่อนั้นเราก็จะเป็นคนที่น่ามองและน่ายกย่องต่อไป